Dream comes true
ราตรีสวัสดิ์นะ เจ้าหญิงนิทรา
ผู้เข้าชมรวม
299
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ต๊อก…ต๊อก…ต๊อก
เหงื่อหยดหนึ่งไหลเข้าตา ทำให้รู้สึกแสบจนต้องลืมตาอย่างเสียไม่ได้ ภาพแรกที่ปรากฎสู่คล้องสายตาคือคมหนามอันแหลมคม ปลายหนามนับสิบชี้ตรงมายังเธอ ราวกับว่ามีชาวบ้านทั้งหมู่บ้านพร้อมใจกันหันคมมีดเข้าหา
เด็กสาวสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองโผล่มานอนอยู่ที่นี้ได้อย่างไร ยังจำได้ว่าเมื่อครู่…
!
ทันใดนั้นมีฝ่ามือปริศนาเอื้อมมาปิดปากเธอจากด้านหลัง
“ไม่ต้องกลัว นี่ฉันเอง”
เสียงของคนคุ้นเคยทำให้เธอผ่อนคลายลง ชายหนุ่มผู้มีผมยาวปรกหน้าจนไม่หนดวงตานั้นส่งสัญญาณให้ค่อยๆ คลานออกจากดงหนาม ขยับไปเรื่อยๆ จากคลานสองมือกลายเป็นชันเข่า จนกระทั่งเดินตรงได้ตัวสง่า ทั้งสองลอดอุโมงค์ป่าหนามไปจนกระทั่งแสงสว่างวาบส่องเข้าตา
“นั้นมัน..”
ลมหายใจถูกกระชาก ภาพตรงหน้าช่างน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก เมืองใหญ่ ถึงขนาดเรียกได้ว่ามหานคร เต็มไปด้วยบ้านเรือนมากมาย แต่ทว่ากลับเงียบไร้สุ้มเสียงและร้างไร้ผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราสาทสูงตระหง่านตรงใจกลางเมืองนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกช่างมีมนต์ขลังหากน่าพรึง
เด็กสาวเอื้อมมือไล่ไปตามกำแพงเมืองที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ มันสร้างความรู้สึกกดทับภายในใจเธอ กระนั้นความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างก็เอ่อล้นจิตใจ
และความรู้สึกที่ว่านี้กำลังบงการร่างกายเธอให้ก้าวลึกเข้าไป
เด็กสาวทะลึ่งขึ้นจากผิวน้ำ ร่างเปียกปอนไม่รีรอส่งมือช่วยดึงคนข้างล่างขึ้นมา เมื่อฝีเท้ามั่นคงแล้ว ชายหนุ่มก็หยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ก่อนจะพับเก็บลงไป เรียกสายตากังวลจากเพื่อนร่วมผจญภัย แต่เขาก็เพียงสั่นหัวและส่งรอยยิ้มจางๆ ให้
ยังเหลือเวลาอยู่
“นี่ วันเกิดอายุสิบหก อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
ระหว่างเดินตัดห้องหรูหราต่างๆ ภายในปราสาทอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก็ทำลายความเงียบ
“ขอคิดดูก่อนนะคะ…” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่คำตอบก็ชัดเจนอยู่ในใจเธอแล้ว “…ขอเพียงได้ไปบ้านของคุณพ่อก็พอใจแล้วล่ะ”
“บ้านของฉันนะหรอ” คนถูกเรียกว่าคุณพ่อหัวเราะ “บ้านฉันก็ไม่ได้น่าอยู่ขนาดนั้นหรอกนะ”
บ้านที่สับสนวุ่นวาย บ้านที่เหมือนจะเพรียบพร้อม ในขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไรเลย บ้านที่ไม่เคยเงียบ บ้านที่ไม่เคยเหงา แต่ท่ามกลางใบหน้ามากมาย หัวใจกลับด้านชาในคราเดียวกัน
“ก็ฟังจากที่คุณพ่อเล่า มันช่างแปลกใหม่ น่าค้นหามากเลยนี่นา ที่สำคัญมีคุณพ่ออยู่ด้วยตลอดเวลา ไม่เหงาหรอกใช่ไหม”
คำพูดบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั้นทำให้มือที่หยิบนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยความว้าวุ่นใจกำแน่น เด็กสาวเห็นเขาไม่ตอบอะไร หน้าจึงเปลี่ยนสี เป็นเหตุให้ชายหนุ่มตะโกนขึ้นดัง
“อย่า… ระวัง!”
ตึง!
ร่างสูงโถมทับร่างเล็กให้หลบพ้นทาง ความกระทันหันทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ได้แต่คว้าเชิงเทียนใกล้มือขึ้นมารับการโจมตีจากเงาประหลาด
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัวกว่าสิ่งใดที่เด็กสาวเคยเห็นมา เปรียบเสมือนเงาที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดเวลาเคลื่อนกาย และโผล่ขึ้นมาในความว่างเปล่า เพื่อโจมตีชายหนุ่ม
คุณพ่อเบี่ยงตัวไปหลบกรงเล็บที่ตะปปมาทางขวา แต่มันก็พุ่งตัวไล่ต้อนต่ออย่างไม่เปิดทาง ฝากรอยแผลฉีกยาวทิ้งไว้ที่ไหล่ซ้าย
พลันใดนั้นเด็กสาวรู้สึกรังเกียจตัวเอง
ขณะที่คนที่รักกำลังต่อสู้เพื่อเธอ เธอกลับทำได้เพียงมองจากตรงนี้
และที่เขาเสี่ยงมาอยู่ในอันตรายตรงนี้ก็เพราะเพื่อเธอไม่ใช่หรือ
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะถูกกลืนกินไปกับความมืดมิด เธอได้ยินเสียงเขากระซิบ
“อย่ากลัวไป ฉันอยู่ตรงนี้”
และแสงขาวสว่างก็จ้าขึ้นดับความมืดมิดที่กลืนกินทุกสิ่ง แม้แต่ความหวังของเธอ
ความฝันคือบ้านของเธอ
เธอลืมตาตื่นใต้ป่าสนในห้องหมายเลขหนึ่ง
เสมือนของขวัญกล่องน้อยจากซานต้า คุณพ่อชอบล้อเธอเช่นนั้น
“ออโรร่า ออโรร่า”
หิมะร่วงลงมาทำให้จมูกคันฟุดฟิด แต่เมื่อลุกขึ้นหันไปตามเสียงเรียกแสงแดดจ้ากลับแยงตา
คนขานเรียกก้าวฝ่าทรายสีทอง ผมยาวปรกหน้าจนมองไม่เห็นดวงตาทั้งสองข้างของชายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นก็เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นได้อย่างชัดเจน เขาอาจจะอายุมากกว่าเธอไม่มากนัก แต่ความรู้สึกเวลาได้อยู่กับเขานั่น ทำให้เธอเรียกขานว่า “คุณพ่อ” นักแต่นั้นเป็นต้นมา
กิจวัติยังคงเป็นเหมือนเดิม นั่งคุย ส่วนใหญ่จะเป็นคุณพ่อที่เล่าเรื่องแปลกๆ ใหม่ๆ ให้เธอฟัง นอกจากนั้นแล้ว บางครั้งทั้งสองจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ มองทิวทัศน์สองข้างที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเป็นป่าสนหนาวเหน็บ บางครั้งเป็นหาดทรายสีสดใส จนกระทั่งเวลาล่วงเลย เขาจะก้มลงประทับริมฝีปากเบาๆ บนหน้าผากของเธอ
“ราตรีสวัสดิ์นะ เจ้าหญิงนิทรา”
ก่อนจะหายตัวไป เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง
ลุกขึ้นมาจากความมืดมิด
จับมืออบอุ่นคู่นั้นไว้แน่นแล้วเดินต่อไป
เด็กสาวกับชายหนุ่มก้าวออกจากห้องที่เกิดเหตุเมื่อครู่ แล้วรีบเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปในใจกลางของปราสาท ลึกยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น
ประตูบานถัดไปทำให้เธอลังเลใจเล็กน้อย ข้างใจอาจจะมีปีศาจร้าย มาขัดขวางเป้าหมายของพวกเธอยังพอ แต่ยังทำร้ายคนสำคัญเพียงคนเดียวของเธอด้วย ทว่ามือที่กุมอยู่นั้นก็มอบความกล้าให้เธอ
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าปีศาจ ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นจากความกลัวของเธอเอง
เพราะสถานที่แห่งนี้คือความฝัน ที่ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามใจนึก
หลังบานประตูนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเธอ
ราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน ม่วง เขียว ฟ้า เหลือง ส้ม แดง มันกลมกลืนไปหมด จนเธอบรรยายไม่ออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แสงสีสันลอยคว้างอยู่ในอวกาศ ล่องละลอยเบาหวิวอย่างไร้พันธะใดๆ
งดงาม พร่างพราย
“นี้คือ ออโรร่า”
ฉันหันไปมองใบหน้าคนข้างกาย นึกว่าเขาเรียกฉัน
มนต์สะกดสิ้นสุดลงเมื่อทั้งสองก้าวไปถึงปลายสุดทางเดิน ที่แห่งนั้นเป็นประตูอีกบานหนึ่ง สลักตัวเลขหนึ่ง ไว้ตรงกลาง
“เอาล่ะ ถึงแล้ว เจ้าหญิง”
หลังประตูบานนี้ไป ความปราถนาของเธอจะเป็นจริง
พอกันที่สถานที่แห่งนี้ กรงขังที่พลัดพรากเธอจากทุกสิ่ง จากโลกแห่งความจริง ความฝันที่เธอฝันอยู่เดี่ยวดายมานานจนจำความไม่ได้…ไม่สิ
ยังมีใครบางคนที่ฝันร่วมกันกับเธอ
ออโรร่าหันกลับไปมองคุณพ่อของเธอ ชายหนุ่มผู้มีผมยาวปิดดวงตาทั้งสองข้าง จนไม่รู้ว่าความรู้สึกแท้จริงที่หลบซ่อนอยู่ในดวงตานั้นเป็นเช่นไร แต่เขามักจะมีรอยยิ้มนุ่มนวลปลอบประโลมเธออยู่เสมอ
“คุณพ่อ…”
แต่ตอนนี้ รอยยิ้มของคุณพ่อเศร้ามาก
“คุณพ่อไม่อยากกลับไปบ้านใช่ไหม” เธอกล่าวสิ่งที่แอบคิดมาโดยตลอดออกไปตรงๆ เธอช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวนัก การที่ทั้งสองฝ่าฝันอันตรายมาถึงที่นี้เพราะคุณพ่อต้องการจะปลดปล่อยเธออกจากความฝันนี้ไปสู่บ้านของคุณพ่อ โลกแห่งความจริง ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว ชายหนุ่มไม่ปราถนาจะหวนคืนไปสู่ที่นั้นเลย ทุกครั้งที่การพบกันจบเลย คุณพ่อจะมีท่าทางเหงาหงอย แต่เมื่อเธอลาเขาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เดี๋ยวก็เจอกันใหม่ รอยยิ้มอบอุ่นก็จะกลับมาบนหน้าคุณพ่ออีกครั้ง
บางทีคุณพ่ออาจจะอยากให้ทุกครั้ง ที่หลับตาลงฝัน จะได้พบหน้าเธอ
“ไม่หรอก ไปเถอะ” เขาพยายามฝืนยิ้มสุดใจ “เราจะได้เจอกันในโลกแห่งความจริงไง ลูกเทวดาของพ่อ”
คำตอบนั้นปลอบประโลมจิตใจเด็กสาว ท้ายที่สุดแล้วเธอจึงตัดสินใจเปิดประตู
เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าไป ออโรร่าหันกลับมามองใบหน้าของคนที่เธอรัก
“เดี๋ยวฉันจะตามไป”
เธออ่านปากของชายหนุ่มได้เพียงเท่านี้ เพราะทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องที่ส่องสว่าง ประสาทการรับรู้ต่างๆ ของเธอก็ถูกตัดขาดไป ตั้งแต่การฟัง ไล่มาจนกระทั่งสายตา
เธอจึงไม่ได้เห็นว่าในชั่ววินาทีสุดท้าย ก่อนที่ประตูจะปิดลง
ชายหนุ่มแตะมือเบาๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนจะหยัดมันมาทางเธอ
เช่นเดียวกับทุกครั้ง
“ราตรีสวัสดิ์นะ เจ้าหญิงนิทรา”
โลกแห่งความจริงคงจะน่าอยู่ขึ้น เมื่อมีเธอ
แต่ตอนนี้เวลาของฉันหมดแล้ว
ฉันเสียใจ
ต๊อก…ต๊อก…ต๊อก
เอ ด้ายหมดเสียแล้ว เครื่องปั่นด้ายไม่ต้องหมุนต่อไป ถึงเวลาเจ้าหญิงนิทราฟื้นหรือยังนะ
เธอลืมตาตื่นใต้ป่าสนในห้องหมายเลขหนึ่ง
เสมือนของขวัญกล่องน้อยจากซานต้า คุณพ่อชอบล้อเธอเช่นนั้น
แต่ครั้งนี้กล่องของขวัญน้อยกลับไม่ใช่เธอ
เมื่อสายตาปรับคุ้นชินกับแสงสว่างได้แล้ว ภาพแรกที่เข้ามาในคล้องสายตาคือกิ่งก้านต้นสน ตอนแรกเธอหลงนึกว่าตัวเองยังคงตื่นขึ้นมาในความฝันเช่นเดิม แต่ก็พบว่ากิ่งก้านเหล่านั้นเป็นเพียงแค่กิ่งพลาสติกเล็กๆ
เธอกำลังนอนอยู่ในห้องสีขาวที่เรียบง่ายที่สุดห้องหนึ่ง เหนือหัวเตียงคือต้นคริสมาสตร์พลาสติกพร้อมของขวัญกล่องจิ๋วใต้ต้น
“คนไข้ห้องหมายเลขหนึ่งฟื้นแล้วซินะ อ๊ะ นั้นไง!”
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก แล้วก่อนที่เธอจะรู้ตัว ก็ถูกรุมล้อมด้วยกลุ่มคนในชุดขาวมากมาย แต่ละคนมือสาละวนอยู่กับเครื่องประหลาดที่ติดตั้งอยู่รอบเตียง มีเพียงหนึ่งนั้นที่ไม่ได้สวมชุดขาวเหมือนคนอื่นๆ และนั่งนิ่งสงบ
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
“คุณพะ..”
ไม่ ไม่ใช่
“เธอฟื้นแล้วหรือ เจ้าหญิงนิทราของฉัน”
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล เรียกสายตาปลิ้มปิติจากเหล่าพนักงานหญิงในชุดขาวรอบกาย พวกเธอพึมพำประมาณว่า รักแท้อยู่เหนือกาลเวลา เจ้าหญิงนอนรอเจ้าชายอยู่นาน จนกระทั่งได้จูบจากรักแท้จึงตื่นขึ้น เหมือนกับเทพนิยายเลยเนอะ สารพัด
“ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงของคุณ โอ๊ย…” ความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นขึ้นสมอง “ที่นี้ที่ไหน”
หนึ่งในคนแปลกหน้าตอบเธอ
“ที่นี้คือโรงพยาบาลครับ คุณแสงเหนือ คุณประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งฟื้นขึ้นมาเมื่อครู่ น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ คุณได้จุดประกายความหวังของทางเรากับญาติผู้ป่วยรายอื่นๆ อย่างแท้จริงเมื่อเช้านี้ก็มีผู้ป่วยรายใหม่เข้ามา จู่ๆ ก็หลับยาวไปเลย ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น น่าเสียดายยังหนุ่มอยู่เลยแท้ๆ ”
ความรู้สึกประหลาดหน่วงอยู่ในใจ ฉันถามออกไปเสียงแหบแห้ง
“ชายหนุ่มคนนั้นมีผมยาวปิดจนมองไม่เห็นตาทั้งสองข้างใช่ไหม”
“…ใช่ครับ คุณรู้ได้อย่างไร”
ผลงานอื่นๆ ของ Charoite ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Charoite
ความคิดเห็น